วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ตำนาน ไซเรน (Siren)

      
 
 
ไซเรน (Siren) เป็นปีศาจในเทพปกรณัมกรีก โดยปรากฏบทบาทอย่างยิ่งจากตำนานเรื่อง เจสันและเรืออาร์โกและโอดิสซีย์ ไซเรน มีลักษณะของสัตว์ผสม 3 อย่าง คือ คล้าย นางเงือก มีขาเป็นครีบปลา มีปีกเสียงเหมือนนก แต่บ้างก็ว่า ไซเรน เป็นมนุษย์ครึ่งนกเหมือนกินร กินนรี ในวรรณคดีไทย

จากบทประพันธ์ตอนหนึ่ง ระบุว่า
นอทจำเป็นต้องผ่านน่านน้ำที่ไซเรนอาศัยอยู่ แต่ "ออร์เฟียส" ได้ดีดพิณเป็นทำนองเพลงที่ไพเราะยิ่งกว่าของไซเรนดึงความสนใจของลูกเรืออาร์โกนอทไว้จึงผ่านมาได้อย่างปลอดภัย และในเวลาต่อมา "โอดิซูส" อยากรู้ว่าเสียงเพลงของไซเรนเป็นอย่างไรจึงให้ลูกเรือทุกคนใช้ขี้ผึ้งอุดหูแล้วมัดเขาไว้กับเสากระโดงเรือ

ไซเรน มีเสียงอันไพเราะ รูปร่างที่งดงามรองจากเงือกเล็กน้อย มีความสามารถในการสะกดจิตให้ผู้อื่น ทำตามในสิ่งที่ตนเองต้องการ เสียงของไซเรนไพเราะเพราะพริ้งจนทำให้คนที่เดินเรือผ่านมายังบริเวณใกล้เคียงที่ไซเรนอาศัยอยู่หลงทางเข้ามาตามเสียงเพลงของไซเรน

ในลุ่มแม่น้ำไรน์ในประเทศเยอรมนี มีอุบัติเหตุทางเรือเกิดขึ้นบ่อยๆ เชื่อว่าเกิดจากไซเรน ที่เรียกว่า "ผู้หญิงแห่งแม่น้ำไรน์" ซึ่งปรากฏอยู่ในคติชนนิยมและวรรณกรรมต่างๆ

ไซเรน ได้ถูกอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยมากมาย เช่น เป็นตัวละครหนึ่งในการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง เซนต์เซย่า ที่ชื่อ ไซเรน โซเรนต์
 
 

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

ตำนานเมืองลับแล

                                              

             ตำนานเมืองลับแล เป็นตำนานพื้นบ้านที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่าชาวเมืองลับแลเป็นเมืองที่มีแต่หญิงสาวจึงเรียกกันว่าเมืองแม่หม้าย ผู้คนเมืองนี้ยึดมั่นแต่ความดี มีศีลธรรมและรักษาวาจาสัตย์ ต่อมามีชายหนุ่มชาวทุ่งยั้งคนหนึ่ง เดินทางหลงเข้าไปในเมืองลับแล พบสาวลับแลนางหนึ่ง ทั้งสองเกิดความรักต่อกัน สาวลับแลจึงรับชายหนุ่มไปอยู่บ้านตน และอยู่กันกันฉันสามีภรรยา สาวลับแลให้ผู้เป็นสามีสัญญาว่าจะไม่พูดเท็จ สามีรับคำ สองสามีภรรยาอยู่ด้วยกันจนมีบุตรหนึ่งคน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาออกไปเก็บผักหักฟืน ลูกหิวนมร้องไห้ พ่อปลอบเท่าไรก็ไม่ยอมหยุดร้องไห้ จึงพลั้งปากบอกไปว่า
“โน่นแน่ะ….แม่มาแล้ว” เมื่อภรรยาทราบว่าสามีพูดเท็จ ก็จำเป็นต้องให้สามีออกจากเมืองลับแลไปเพราะไม่รักษาวาจาสัตย์ตามสัญญา
             ก่อนออกเดินทางภรรยาได้มอบย่ามใบหนึ่งให้สามี พร้อมกับกำชับว่าห้ามเปิดดูระหว่างทาง สามีจำต้องออกเดินทางไปจากเมืองลับแล ระหว่างทางนั้นสามีสะพายย่ามมาด้วยความเหนื่อยล้า และรู้สึกว่าย่ามหนักขึ้นทุกที ๆ จึงสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในย่าม ทำไมจึงรู้สึกว่ามันหนักขึ้นทุกที ๆ เขาวางย่ามลงแล้วเปิดดู โดยลืมคำพูดของภรรยาเสียหมดสิ้น เห็นเป็นขมิ้นสด ๆ เต็มย่าม จึงรำพึงว่า “แหม….แค่ขมิ้นธรรมดา บ้านเรามีเยอะแยะเป็นดง จะแบกไปให้เหนื่อยทำไม”
ดังนั้นชายหนุ่มจึงทิ้งขมิ้นไป เหลือไว้ดูต่างหน้าเพียงหนึ่งแง่งเดียว
             ครั้นพอกลับไปถึงบ้านตน ก็เล่าความเป็นมาที่ตนเองหายจากบ้านไปนานให้ญาติ ๆ ฟัง และหยิบขมิ้นที่เหลือเพียงแง่งเดียวให้ญาติดู ปรากฎว่าขมิ้นแง่งนั้นกลายเป็นทองคำเหลืองอร่าม ชายหนุ่มตกใจมากและนึกเสียใจที่ตนเองไม่เชื่อภรรยาตั้งแตกแรก ก็เลยพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแลอีกครั้งหนึ่ง แต่ปรากฎว่าหาทางเข้าไปในเมืองเท่าไหร่ก็ไม่พบ เหมือนจะแลลับหายไป ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของขมิ้นที่ทิ้งไว้.
ปัจจุบันชาวเมืองลับแลยังคงยึดถือสัจจะวาจา ไม่พูดโกหก และเชื่อว่าเมืองลับแลที่กล่าวถึงนี้คืออำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์


ที่มา http://krulathiga.wordpress.com

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ตำนาน นกกระดาษ

 
เรื่องราวที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเด็กหญิงซาดาโกะ ซาซากิ ได้รับพิษจากการทิ้งระเบิดปรมาณูของสหรัฐที่ถล่มเมืองฮิโรชิม่า เมื่อ 6 สิงหาคม 2489 หรือปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
    ตอนที่เกิดระเบิดนั้นเด็กหญิงซาดาโกะไม่ได้เกิดอาการเจ็บป่วยในทันที แต่ 11 ปี หลังจากนั้น ในปี 2498 วันที่ซาดาโกะแข่งขันวิ่งผลัดที่โรงเรียน ทำให้เด็กหญิงเหน็ดเหนื่อยและปวดศีรษะอย่างรุนแรง และจากนั้นก็เริ่มปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นสลบในชั้นเรียน

พอพ่อแม่ซาดาโกะรู้ จึงพาไปหาหมอ และพบกับความจริงที่สะเทือนใจว่า ซาดาโกะป่วยเป็นลูคิเมียหรือมะเร็งในเม็ดเลือด ซึ่งเป็นโรคที่คนสมัยนั้นเป็นกันมาก เพราะถูกปรมาณูในสงครามโลก
               

    สำหรับซาดาโกะเมื่อทราบชะตาชีวิตตัวเองก็โศกเศร้าร้องไห้ตลอดเวลา เพราะอยากออกจากโรงพยาบาลและกลับไปโรงเรียน แต่ทำไม่ได้ กระทั่งชิซูโกะเพื่อนรักของซาดาโกะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลและนำโอริกามิหรือกระดาษพับมาให้ พร้อมทั้งเล่าตำนาน "ซูรุ" หรือนกกระเรียนให้ซาดาโกะฟัง

    โดยคนญี่ปุ่นถือว่า ซูรุ เป็นนกศักดิ์สิทธิ์และสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนยาว ความหวัง ความโชคดีและความสุข นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความเจ็บป่วยได้ด้วย ถ้าใครสามารถพับนกกระเรียนได้ถึง 1,000 ตัว แล้วผู้นั้นจะมีอาการดีขึ้น

    เมื่อได้ฟังดังนั้นซาดาโกะก็เลยตัดสินใจที่จะพับนกพร้อมกับเขียนคำว่า สันติภาพลงบนปีกนกด้วย เพื่อให้มันบินไปได้ทั่วโลก หลังจากนั้นไม่นานครอบครัวและเพื่อนๆก็พากันช่วยซาดาโกะพับนกกระเรียน เมื่อครบ 500 ตัว ซาดาโกะอาการดีขึ้นและได้รับอนุญาตจากคุณหมอให้กลับไปอยู่ที่บ้าน

    ระหว่างนั้นเด็กหญิงไม่เคยหยุดที่จะพับนกเลย แต่หลังจากกลับไปอยู่บ้านไม่นาน อาการของซาดาโกะก็เริ่มกำเริบขึ้นอีกจนต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดซาดาโกะก็จากครอบครัวไปอย่างสงบ ในขณะที่พับนกได้เพียง 644 ตัว

     หลังการเสียชีวิตของซาดาโกะ เพื่อนๆ ที่โศกเศร้าต่อการจากไปของเธอร่วมกันพับนกกระเรียนที่เหลือจนครบ 1,000 ตัว และใส่ไปในโลงศพของเธอด้วย นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งสมาคมนกกระเรียนเพื่อรำลึกถึงซาดาโกะอีกด้วย

     เมื่อเรื่องของซาดาโกะแพร่หลายออกไป ได้มีการบริจาคเงินสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงซาดาโกะและเด็กๆ อีกหลายคนที่เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณู และตั้งที่ใจกลางสวนสาธารณะสันติภาพฮิโรชิม่า โดยอนุสาวรีย์นี้เป็นรูปของซาดาโกะกำลังยืนและยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นไปบนฟ้า ที่มือของเธอถือนกกระเรียนสีทองไว้ด้วย

ที่มา: http://guru.sanook.com/pedia/topic/

ตำนานนางเงือก



     เงือก หรือ นางเงือก (Mermaid) เป็นอมนุษย์ชนิดหนึ่งตามความเชื่อนิยายปรัมปราเกี่ยวกับน้ำ โดยเป็นจินตนาการเกี่ยวกับสัตว์น้ำ โดยมากจะเล่ากันว่าเงือกนั้นเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ มี ส่วนครึ่งท่อนบนเป็นคน ส่วนครึ่งท่อนล่างเป็นปลา

    
นางเงือก (mermaid) เป็นสัตว์โลกอยู่ในทะเลในจินตนาการ มีลำตัวท่อนบนเป็นผู้หญิงสวย ท่อนล่างเป็นปลา ภาษาเยอรมันเรียกนางเงือกว่า meerfrau และเดนมาร์กคือ maremind

      
โจนส์ระบุว่า นางเงือกคือเทพธิดาแห่งทะเล มักปรากฏตัวขึ้นเหนือผิวน้ำ มือหนึ่งถือหวีสางผม มือหนึ่งถือกระจก มีลักษณะคล้าย ไซเรน (siren - ปีศาจทะเล ครึ่งมนุษย์ผู้หญิง ครึ่งนก มีเสียงไพเราะมาก ล่อลวงคนไปสู่ความตาย ในนิทานปรัมปราของกรีก)ใน หลายประเทศทั่วโลก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานเงือกมากมาย

     แต่เดิมนางเงือกอาจจะเป็นธิดาของพวกเคลต์ (ชาวไอริชโบราณ) นอกจากนี้ตำนานเกี่ยวกับนางเงือกมาจากเรื่องเล่าของพวกกะลาสีด้วย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความหายนะของมนุษย์ (Jobes 1961: 1093) แต่โรสกล่าวว่า บางครั้งนางเงือกก็ให้คุณต่อมนุษย์ มนุษย์ ที่ช่วยเหลือนางเงือกมักได้รับความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาโรคซึ่งเยียวยาไม่ ได้แล้ว ได้ของกำนัล หรือนางเงือกช่วยเตือนให้ระวังพายุ (Rose 1998: 218)

   
บางครั้งนางเงือกก็ได้รับสมญานามว่าพรหมจารีแห่งทะเล มีลักษณะสวยงาม กระจกของนางเงือกคือสิ่งที่แทนวงพระจันทร์ และผมที่สยายยาวคือสาหร่ายทะเล หรือรังสีบนผิวน้ำ (Jobes 1961: 1093) แต่บางครั้งก็กล่าวว่ากะลาสีเรือเดินทางไปในเรือนานๆเข้า ไม่ได้เห็นผู้หญิงเลยก็เกิดภาพหลอนขึ้นมา นั่นคือนางเงือกไร้ตัวตนอย่างสิ้นเชิง แต่พวกเดินทางทางเรือเกิดจินตนาการเพราะว้าเหว่คิดถึงครอบครัว




    ตามตำนานเกี่ยวกับเงือกนั้นกล่าวไว้ว่าเทพโอนเนสเทพเจ้าแห่งท้องน้ำเทพเจ้าแห่งแสงสว่างและสติปัญญามีบุตรสาว และบุตรชาย ที่มีรูปร่างคล้ายปลา ให้ดูแลท้องน้ำในมหาสมุทรและปกครองทะเลทั้งหมด เรื่องหนึ่งที่น่าประหลาดเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1608 มีคนพบคนครึ่งปลากลุ่มใหญ่ออกมาปิดปากถ้ำที่เซ็นไอเว่ส์แถบชายฝั่ง เบ็นโอเวอร์เนื่องจากเรือหลายลำได้รับคำสั่งให้ไปจับคนนอกศาสนาหรือเหล่าเพ แกนมาทำโทษและจัดการฆ่าทิ้งศพลงทะเล เหตุการณ์นี้ยังเป็นที่งุนงงมาถึงปัจจุบันว่าจริงหรือไม่ 
   
เงือกเป็นเผ่าพันธุ์ของอมนุษย์สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกอีกชนิด หนึ่ง ว่ากันว่าเงือกพวกนี้อาจมีถิ่นกำเนิดบนฝั่ง บริตานี และว่ายข้ามช่องแคบอังกฤษไปยังคอร์วอลล์ จึงทำให้ผู้คนที่นั่นขนานนามว่า เมอร์เมด-เมอร์ แมน(เงือกตัวเมีย-ตัวผู้) อันเป็นคำผสมของแองโกล-ฝรั่งเศส และจากคอร์นวอลล์นี่เอง เงือกก็แพร่พันธุ์ไปจนถึงฝั่งตะวันตกของเกาะอังกฤษ ไปถึงรอบๆสกอตแลนด์ตอนเหนือสู่สแกนดิเนเวีย มีบางครั้งที่เราอาจเห็นเงือกในจุดต่างๆตลอดแนวฝั่งยุโรปด้วย อาจเป็นเพราะเงือกชอบอากาศเย็นและแนวฝั่งแอตแลนติกของอังกฤษกับไอร์แลนด์

    
ในต่างถิ่นมีตำนานเล่าถึงกำเนิดของเงือกต่างๆกัน นิทานพื้นบ้านของโรมันบอกว่า ในสงครามกรุงทรอย เศษไม้จากซากเรือรบที่ถูกเผาวอดกลายสภาพเป็นเลือดเนื้อและเกิดเป็นสิ่งมี ชีวิตคือ เงือก ชาวไอริชเล่าว่านางเงือกคือผู้หญิงนอกศาสนาที่ถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน บางท้องถิ่นมีเรื่องเล่าว่า ชาวเงือกคือ ลูกๆของฟาโรห์ที่จมน้ำในทะเลแดง



     ตามตำนานของไทยเล่ากันว่าเงือกนั้นมีหน้าเล็กกลมเท่างบน้ำอ้อย(ประมาณหน้าชะนี)ผมยาว วันดีคืนดีกลางคืนเดือนหงายจะขึ้นบกมาหวีผมด้วยหวีทอง บางทีก็ใช้กระจกทองส่องหน้าด้วย ถ้ารู้สึกว่ามีใครเข้ามาใกล้ตัว จะโจนลงน้ำดำหนีไป ทิ้งหวีและกระจกทองไว้ ถ้ามีผู้พบเห็นกระจกทองแต่เก็บไว้ไม่ทิ้งลงน้ำคืนเงือก เงือกจะมาเข้าฝันทวงของคืน ถ้าไม่ให้ก็จะถูกปลิดดวงวิญญาณไปหรืออาจถูกฉุดตัวจมน้ำไปขณะที่ลงไปอาบน้ำใน ที่แห่งนั้น ความเชื่อเรื่องเงือกนี้มิได้มีแต่เฉพาะในไทย แต่ยังมีกล่าวถึงในนิทานท้องถิ่นหลายประเทศ เช่น เขมร ลาว ญี่ปุ่น และทางยุโรป


ที่มา:http://www.learners.in.th/blogs/posts/437663